เวนิสเป็นPensionที่ ท่าเรือ ฮูโพ (https://www.venicesea.co.kr/)
ที่นี้มีบ้านพัก แค่2ที่ ไม่ไกลจากท่าเรือฮูโพ เพียง 3นาที และเวนิสที่นั้นก็เป็นที่พักที่เราพักอยุ่ที่นั้นครับ.มันเป็นแบบสองห้องนอน สามารถพักได้มากว่า 10คน มีบนชั้น 2.ผมจะบอกว่าการสร้างบ้านพักที่นี้เป็นการสร้างที่มีการออกแบบตกแต่งที่ดีมาก วิวทะเล แต่เมือง อุลจิน .แต่อาคารสมาคมการแล่นเรือสำราญ อุลจิน ได้สร้างอาคาร ปิดกั้นวิวเหล่านั้น ไว้ผมว่ามันต้องดูดและเขาพูดว่าไม่ใช่อย่างนั้น แต่เขาให้ความร่วมมือกับสำนักงานเขตรวมทั้งเขามีความสุขเกี่ยวกับนักเรียนที่อยู่ที่นี่เมื่อพวกเขามาที่นี่จะได้รับการฝึกอบรมเรือยอชท์ ผมคิดว่านำชีวิต บวกกับว่า เป็นหนึ่งในคุณงามความดีที่สำคัญในการมีชีวิตที่มีความสุในแบบของเขา.
ราคาอยู่ที่ 130,000 วอน ในวันสุดสัปดาห์ แต่มันมีเหลือ แค่1ห้อง ดังนั้นผมจะหลบหนีมาผ่อนคลายร่างกายของผมในห้องที่ผมจ่าย 100,000 วอน ผมสามารถเช็คเอาท์ห้องพักด้วยตัวเองและได้รับส่วนลด จึงเป็นเสน่ห์ของการจองตั๋วในสถานที่ซึ่งก็ยังดีกว่าการจองตั๋วออนไลน์เวลานี้.
ห้องพักเป็นประเภทแบบสองห้องนอนจึงมีบันไดไปที่ชั้นสอง . มันดูสมบูรณ์แบบสำหรับทีมงานของนักเรียน บนชั้นสองไม่มีอะไร แต่เป็นชั้นที่ผู้คนสามารถนอนบนนั้นได้ครับ.
วันนี้ก็เหมือนกัน ที่ท่าเรือ มีเหล่าบรรดานกนางนวลมาที่นี้ โยกลิ่นคาวของปลา ที่มันดึงดูดมันเลยไม่บินไปไหน.
บางคนถูกต่อรองราคาก่อนที่เขาจะย้ายปูไปที่รถบรรทุก.
ขอบคุณที่ชาวประมงผู้ที่ดูเหมือนจะลืมเวลาไปจนถึงวันสิ้นสุดของวัน เมื่อพระอาทิตย์ตกดินที่ท่าเรือ เราสามารถวางปูหิมะบนโต๊ะของเราและสนุกกับพวกเขา.
นกนางนวลยังไม่ได้ออกจากเรือเพราะมันไม่สามารถให้ขึ้นไปบนปูหิมะได้
เด็กที่มีพ่อแม่ของพวกเขามาด้วย ดูจากนัยน์ตาของพวกเขาแล้วก็ล้วนมีความอยากรู้อยากเห็น ผมสามารถรู้สึกถึงความรักแม่ของพวกเขาจากวิธีที่พวกเขาสวมใส่ปกปิดปากและจมูก.
โอ้นี้จะต้องเป็นเว็บไซต์การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ที่นิยมวันนี้ชื่อ <บุตรในกฎหมาย>
นี้คือ ปลาตาก แห้ง ควาเมกิ ผมอยากซื้อ ปลาความเมกีนะครับ แต่ มันขายเป้น แถว แถวหนึ่งก็มีมากเกินไป ควาเมกี เมื่อก่อนทำมาจาก ปลา ชังงอ แต่ด้วยเพราะมันจับยาก ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็น ปลา กงชี เพราะมันจับง่าย.
ผมเห็นชีวิตที่ยากลำบากของแม่เกาหลีคนหนึ่งที่อาศัยอยู่สำหรับครอบครัวและลูก ๆ ของหญิงชรา รอลูกค้าในสภาพอากาศหนาวเย็น
และนี่คือสถานที่ วาแผงขายปูหิมะสีแดงในพื้นที่ได้รับความนิยมที่ ท่าเรือ HUPO ผมหวังให้เธอขายพวกมันทั้งหมดและมีอาหารเย็นให้เธอได้รู้สึกผ่อนคลายนะครับ.
ผมอยากจะถ่ายรูป ของ ปูหิมะสีแดงแต่ผมไม่กล้าจับมัน.
ผมรู้สึกว่า ถนนทั้งถนน เต็มไปด้วยกลิ่นคาว และไอระเหย เต็มไปหมดครับ.
มันเป็นหมู่บ้านปูหิมะ แต่ในมุมหนึ่งของซอยมีตลาดปลาที่คุณสามารถซื้อปลาดิบสดได้ที่นี้ครับ. หลายคนบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่จะดูรอบ. ในขณะที่ร้านอาหารเตรียมอาหารตลาดปลานี้,สามารถซื้อปลาดิบหรือปลาหมึกดิบและกินพวกมันกับปูได้ .
ถึงแม้ว่าพวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่ก็ตาม พวกเขาก็ไม่กินอาหารแบบนี้ทุกวันหรอกครับถูกต้องมั้ยครับ ? ร้านอาหารจีนที่นั่นที่คนในท้องถิ่นสามารถกิน Jajangmyeon เมื่อเวลาผ่านไปมันเลยเป็นเมนูพิเศษ.
นี้เป็นร้านอาหารวอนโชมาอึล ที่เชี่ยวชาญในการนึ่งปูหิมะ กัปตัน กล่าว่า ร้านอาหาร ร้านนี้ เป็นร้าน ที่จับและขายเองโดยตรง ผมจึงสันนิษฐานว่าพวกเขาจะถูกกว่าและสดกว่าและผมก็เลยตัดสินใจที่จะลองกืนมันที่นี้ครับ.
ห้องอาหารแห่งนี้มีที่สาขาอื่น ด้วยครับ เพราะมีลูกค้าจำนวนมากและให้บริการลูกค้าสั่งซื้อสินค้าที่ร้านอาหารในด้านหน้าและรออาหารที่นี่.
นี้ คือ ราคา 80,000วอน สำหรับ ปุหิมะ อุลจิน และ 20,000วอน ปูหิมะสีแดง นึ่ง และตัดให้เรียบร้อย เมื่อเสริฟออกมา เราจึงต้องการที่จะเติมกระเพาะอาหารของเรา ให้ได้ 70% กับปูหิมะและส่วนที่เหลือกับ ข้าวยำ เปลือกปูและ Daegae guksu (ก๋วยเตี๋ยวกับปูหิมะ).
พอได้ลองรสชาติ ของปุ อุลจิน มันช่างแตกต่างกับปุ หิมะสีแดง.
ถ้าคุร สามารถที่จะแยก , ว่าระหว่างคิงส์แครป หรือ ล๊อปเสตอร์ จาก ตะวันออก แต่ มาเจอ .อุลจิน ปูหิมะซึ่งมีรสชาติที่หรูหราและเกือบจะละลายในปาก , แต่ ปูหิมะสีแดงมีรสชาติน้อย
ปูหิมะ อุลจินมันคุ้มค่ากับราคาทั้งหมด มันทำให้ผม กลับไปนอนหลับได้เลย.
เพื่อที่จะเข้ากับการกินปูหิมะที่ดีที่สุดที่ เรามีไวน์ขาวกับมัน เราเลือก Mariage Chablis ในประเทศฝรั่งเศสที่ไปได้ดีกับปูหิมะ
มันมีผักต่างๆมากกว่าบะหมี่ปูหิมะที่เรามีตอนมื้อกลางวัน ชามบะหมี่หนึ่งชามราคา 12,000วอน ซึ่ง มีราคาแพงกว่า2000 วอน แพงกว่าเมนูอาหารกลางวันครับ แต่ผมบอกเลยว่ามันคุ้มค่า.

ข้าวผัดปุ ราคา 2,000วอน ต่อ หนึ่งชาม.
เมื่อเรากินนึ่งปูหิมะที่บ้าน, มันก็มีรสชาติที่ดีครับ มันจะดีมาก ถ้ารสชาติอร่อย กับเนื้อปู จะเข้าไปคลุกเคล้า ในกระเพราะอาหาร กับของเหลว ที่ผสม มาในเนื้อปู ยังมีการ ผสม ซอสน้ำมันงา และน้ำมันผสมกับเกลือ , แต่ที่นี่ มันแห้งครับ เพราะ ไม่มีน้ำมันดเหลวจากปูเลย.นี้เป้นอาหาร เครื่องเคียงที่ถูกเสริฟออกมา ในร้านอาหาร แต่ ผมไม่รู้ว่า ที่นี้ จะของเหลวของไปลื่นในลำไส้หรือปล่าว .
นี่คือ Daegaetang (สตูว์ปูหิมะ) ที่เสริฟให้ฟรี . คุณสามารถลองกับ Daegae Bibimguksu (บะหมี่รสเผ็ดกับปูหิมะ) หรือ Daegaebap (ข้าวปูหิมะ) แต่รสชาติก็ไม่ค่อยดีนักครับ.
ในทางของเรากลับไปยังกรุงโซล มีขึ้นทางด่วนโอ๊คกเย ไปทางขวา 20 นาทีก่อนที่เราจะมาถึงที่ Gangreung เราถูกดึงดูดโดยคำโฆษณาที่ว่ามันมีวิวเหนือมหาสมุทร เราจึงตัดสินใจที่จะมีกินอาหารเช้าที่นี้.
เราได้มีการสั่ง อุด้ง และราเมน,และข้าวแกงกะหรี่ ,พวกเขาจะดูดด้วยปากทั้งหมด .คุณเห็นราเมนและ อุด้งมั้ยครับมันไม่มี หัวหอมใส่ให้เลยในนั้น.ข้าวแกงกะหรี่ซอสก็ไม่พอ , ผมก็เลยถามขอเพิ่มอีก และ เค้าก็ยืนยันว่าไม่มีแล้ว ก็เลยไม่มีอะไรให้กับผม .ผมจึงราสซอสมันบน อาหารของผม แล้วก็ลองชิม . ผมควรจะพูดอย่างไรกับการจ่าย ค่าข้าว 6000 วอน สำหรับข้าว 1ชาม ที่ซอส ไม่พอ แล้วก็แค่อุ่นมาให้แค่จากไมโครเวฟ ?ผมควรทำอย่างไรดี กับราเมนที่สุกเกินไปและ ไม่มีหัวหอมเลยครับ ? มันน่ากลัวไปหน่อยนะกับอาหาร ทางด่วน ^^
ท่าเรือ ฮูโพ ไกลจากกรุงโซลเป็นระยะทาง 373 กิโลเมตร โดยใช้การเดินทางด้วยรถยนตร์ ประมาณ 5 ชั่วโมง .มันไกลมากครับ สำหรับ ทริปแค่ 2วัน .ผมว่ามันค่อนข้างการวางแผนที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักชิมที่มีการวางอาหารเป็นเรื่องสำคัญในระหว่างการเดินทาง, อุลจิน, ยองด๊อก และ โพฮัง จะเป็นที่น่าสนใจมากสถานที่ท่องเที่ยวในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมเมื่อเทศกาลปูหิมะที่จะมีขึ้น







